ค้นหาสินค้าหรือบทความ

    CHALAEM ORGANIC  : แฉล้ม ออร์แกนิค
    • แหล่งเรียนรู้
      • บทความ
      • ตำนานสมุนไพร
      • นวัตกรรมสมุนไพรออร์แกนิค
      • ข่าวสารและกิจกรรม
    • ผลิตภัณฑ์
    • คลินิก
      ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ คลินิกศรีประจันต์การแพทย์แผนไทย
    • เกี่ยวกับเรา
      เกี่ยวกับทิพย์เกสร ติดต่อเรา
    • ค้นหาสินค้าหรือบทความ
    สมุนไพรกับการดูแลสุขภาพ

    การรักษาแผลเป็นโดยการใช้สารสกัดจากหัวหอม

    โพสเมื่อ 18 ส.ค. 2565


    สวัสดีวันศุกร์สุดสัปดาห์ค่ะสาวๆ ทุกท่าน ถ้าพูดถึงเรื่องแผลเป็นทุกคนคงอี๋ไม่มีใครอยากเป็นหรอกจ้า วันนี้ CHALAEM : แฉล้ม จะขอนำเสนอการรักษาแผลเป็นโดยการใช้สารสกัดจากหัวหอมกันค่ะ ส่วนมากจะเคยได้ยินแต่ว่านหางจระเข้รักษาแผลเป็นกันล่ะสิ วันนี้ขอนำเสนอสารสกัดจากหัวหอมจ้า

    เมื่อเกิดแผลขึ้นตามร่างกาย เช่น มีดบาด หกล้ม แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลผ่าตัด แผลสิว แผลจากโรคอีสุกอีใส ทำให้เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ร่างกายจะมีกระบวนการในการรักษาตัวเอง เช่น การอักเสบ การสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ทดแทนส่วนที่ถูกทำลายไป โดยจะไฟโบรบลาส (fibroblast) ถูกสร้างขึ้นในส่วนของ extracellular matrix molecules (ECM) เกิดการซ่อมแซม สร้างและจัดเรียงโครงสร้างของผิวหนัง การสร้างเส้นเลือดใหม่ ซึ่งจะทิ้งรอยแผลจางๆไว้ อาจเป็นสีน้ำตาล แดงหรือชมพู และนูนเล็กน้อย แต่เมื่อปล่อยทิ้งไว้สีก็จะจาง แบนลงจนหายไปได้เองใช้เวลา 1-2 ปี หรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของบาดแผล การฉีดขาดของเนื้อเยื่อมากน้อยเพียงใด และการดูแลรักษาความสะอาดของแผล แต่ถ้าเกิดความผิดปกติ เช่น การสร้างเนื้อเยื่อมากเกินไปทำให้รอยแผลไม่หายไปก็จะเรียกว่า แผลเป็น ซึ่งจำแนกออกเป็น

    แผลเป็นนูนหนาธรรมดา (Hypertrophic) คือ แผลเป็นที่มีลักษณะเป็นสีชมพู สีแดงและนูนขึ้นมาจากผิวหนังเล็กน้อยโดยยังอยู่ในรอยของแผลเดิม เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป แต่ไม่ขยายกว้างจากรอยเดิม และมักจะจาง หรือค่อย ๆ ยุบตัวแบนราบลงเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 ปี

    แผลเป็นนูนชนิดคีลอยด์ (Keloid) คือ แผลเป็นที่มีลักษณะอาการนูนคล้ายกับรอยแผลเป็นนูนหนาชนิดแรก แต่ตัวแผลจะนูนเหนือผิวหนังมากกว่าปกติ และจะมีความผิดปกติของกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อโดยเกิดการขยายตัว นูน หรือกว้างกว่ารอยแผลเดิม เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ยุบหายไปเอง จัดเป็นเนื้องอกธรรมดาไม่ใช่มะเร็ง

    กระบวนการการสร้างเนื้อเยื่อเพื่อรักษาบาดแผลเกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีนต่างๆ เช่น คอลลาเจน เจลาติน และโปรทีโอไกลแคนที่อยู่ใน ECM ในชั้นของเนื้อเยื่อ ซึ่งมีกลุ่มเอนไซม์ matrix metalloproteinases (MMPs) ทำหน้าที่เป็นตัวสร้างสารต่างๆ ในกระบวนการรักษาบาดแผล โดยการอักเสบและการเกิดแผลจะเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์สร้าง MMPs ออกมาอยู่ในรูปของ Pro-MMPs และจะต้องมีเอนไซม์ protease มาย่อยอีกทีเพื่อให้สามารถทำงานได้ นอกจากนี้จะมี tissue inhibitors of metalloproteinases (TIMPs) ทำหน้าที่เป็นตัวยับยั้งการทำงานของ MMPs ได้ด้วย จะเห็นได้ว่าการทำงานของ MMPs เป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการรักษาแผล ถ้ามีการทำงานมากเกินไป นานเกินไปก็จะเกิดแผลเป็น ปัจจุบัน พบ MMPs ทั้งหมด 28 ชนิดแต่ทราบหน้าที่แค่บางชนิด เช่น MMPs-1, MMPs-8 และ MMPs-13 เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจน MMPs-2 และ MMPs-9 เกี่ยวข้องกับการสร้างเจลลาติน เป็นต้น

    ในปัจจุบันการรักษาแผลเป็นโดยการทายาเป็นการรักษาที่ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากเหมือนการผ่าตัดตกแต่งผิวหนัง ยาที่ใช้ทา เช่น สาร imiquimod, mitomycin C หรือสารจากพืช เช่น ชาเขียว ว่านหางจระเข้ วิตามินอี

    การใช้สารสกัดจากหัวหอมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง จากการศึกษาพบว่าสารสกัดจากหัวหอมประกอบด้วยสารกลุ่ม phenolic มีฤทธิ์เป็น anti-oxidant และ anti-inflammatory ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างเนื้อเยื่อ และจากการศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดจากหัวหอมในการรักษาแผลเป็นพบว่าสารสกัดจากหัวหอมสามารถลดการสร้างไฟโบรบลาสในกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อได้โดยกระตุ้นการทำงานของ MMPs-1 และยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการ ECM remodeling อีกด้วย

    แต่อย่างไรก็ตามการรักษาแผลเป็นโดยการใช้ยาทายังไม่มีการรายงานว่าสารใดสามารถรักษาแผลเป็นให้หายได้แน่นอน ทั้งนี้การรักษาแผลเป็นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีในการรักษาแผลเป็นที่เหมาะสม

    ขอขอบคุณข้อมูล คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


    แท็ก: ทิพย์เกสร , Tipgaysorn , แฉล้ม , CHALAEM , ออร์แกนิค , Organic , ผลิตภัณฑ์ , สมุนไพร , ยาสมุนไพร , สมุนไพรกับการดูแลสุขภาพ , แผลเป็น , หัวหอม

    บริษัท

    เกี่ยวกับเรา

    ติดต่อเรา

    เงื่อนไข

    นโยบายความเป็นส่วนตัว

    นโยบายการคืนสินค้าและคืนเงิน

    ช่วยเหลือ

    วิธีการชำระเงิน

    การจัดส่งสินค้า

    Copyright 2022 © TIPGAYSORN