สวัสดีวันเสาร์ต้นเดือนค่ะสาวๆ เงินเดือนออกกันแล้วใช่มั้ยยยย ไปเที่ยวกันเถอะค่ะ วันนี้ CHALAEM : แฉล้ม ขอนำเสนอเมืองรองใกล้ๆ กรุงเทพฯ แค่นี้เองค่ะคุณ ถึงจะเป็นแค่เมืองรองแต่ที่เที่ยวไม่แพ้เมืองหลักเลยนะจ๊ะ ไปๆๆๆ กันค่ะทุกคนนนไปเที่ยวบ้านฉันสุพรรณบุรี พี่ก็หมาน้องก็หมา หมากันทั้งสองคน แค่สำเนียงก็เป็นเอกลักษณ์แล้ว เหน่อมาแต่ไกล คนสุพรรณฯ น่ารักและมีเสน่ห์เชิญชวนมาสัมผัสกันได้นะจ๊ะ ไปกันเลยค่า
กล่าวกันเสมอมาว่า ถ้ามาเมืองสุพรรณ แล้วไม่ได้แวะมากราบไหว้หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองสุพรรณ ด้วยที่วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณ เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในช่วงวันหยุดจะมีผู้คนมากมายมากราบไหว้ขอพร และยิ่งเป็นวันหยุดยาว จะเป็นที่ที่คนนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัดสุพรรณ … ถ้าหากมีโอกาสมาเมืองสุพรรณ สถานที่แรกที่ไม่ควรผ่านเลย… แวะชมความงดงามขอหลวงพ่อโต และกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล CHALAEM : แฉล้ม จะขอเป็นไกด์พาเพื่อนๆ เที่ยว ขอเชิญติดตามกันมาเลยค่ะ
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1200 ปี ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าวัดป่า ภายในวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์
ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า …พระเจ้ากาเตทรงให้มอญน้อย มาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ ภายหลังปี พ.ศ. 1724 เล็กน้อย หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ (คือประทับนั่งห้อยพระบาท) มีนักปราชญ์หลายท่านว่า เดิมคงเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา สร้างไว้กลางแจ้งอย่างพระพนัญเชิงสมัยแรกต่อมาได้มีการบูรณะ ซ่อมแซมใหม่ และทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ภายในองค์พระพุทธรูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 36 องค์ ที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย
วัดป่าเลไลยก์ มีความเกี่ยวข้องกับวรรณคดีอันลือชื่อของไทย คือ เสภาขุนช้างขุนแผน นิราศเมืองสุพรรณของสุนทรภู่ ปัจจุบัน วัดป่าเลไลยก์ มีสถานะเป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร
ประวัติวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร (อีกทางหนึ่ง)
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี หรือท่าจีน ห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เนื้อที่กว้าง 82 ไร่ 1 งาน มีโบราณสถานอันเป็นประธานของวัด คือ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งเรียกกันว่า “ หลวงพ่อโตวัดป่าไลไลยก์”
ตามหลักฐานเดิมสันนิษฐานกันว่า มีอายุในราวสมัยอู่ทอง เนื่องด้วยขณะนั้น ยังไม่ได้มีการศึกษาค้นคว้า จึงเชื่อกันอย่างนั้นเรื่อยมา เมื่อมีการศึกษาค้นคว้าในระยะหลังๆ ทำให้ทราบได้ว่า วัดป่าเลไลยก์น่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 1000 ปีขึ้นไป โดยมีหลักฐานต่างๆ จากโบราณวัตถุเป็นข้อสนับสนุน อ้างอิง เพียงพอที่จะตั้งเป็นสมมติฐานใหม่ขึ้นได้
หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 23.47 เมตร สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีลายพระหัตถ์ถึงศาสตราจารย์หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรว่า “พระพุทธรูปป่าเลไลยก์ เป็นของเก่าก่อนวัตถุอื่น ลักษณะทันสมัยอู่ทอง และสร้างเป็นพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมจักรเหมือนอย่างพระประทานที่พระปฐมเจดีย์ มีกุฏิครอบเฉพาะองค์พระ มาร้างวิหารต่อชั้นหลัง ส่วนองค์พระนั้นเคยชำรุดถึงพระกรหักหาย คนชั้นหลังปฏิสังขรณ์ เมื่อมีความรู้เรื่องพระแสดงปฐมเทศนาสูญเสียแล้วจึงทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ความกล่าวในข้อนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยพระกรเล็กกว่ากันเกือบข้างหนึ่ง และซุ้มเดิมที่สร้างวิหารก็ยังปรากฏอยู่“
ตามที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระวินิจฉัยว่า หลวงวัดป่าเลไลยก์ มีอายุทันสมัยอู่ทองนั้นมีความจริงอยู่บ้าง โดยความเป็นจริงแล้วอาจจะสูงกว่าสมัยอู่ทองขึ้นถึงสมัยลพบุรีและทวารวดีเสียด้วยซ้ำไป เมื่อ พ.ศ. 1706 พระเจ้ากระแต ผู้ซึ่งมีเชื้อสายนเรศวรหงสาววดีพาไพรพลมาครองราชย์ที่เมืองพันธุมบุรี ได้ให้มอญน้อยเป็นเชื้อสายพระวงศ์ของพระองค์ ไปสร้างวัดสนามไชยแล้วมาบูรณะ วัดป่าเลไลยก์ในวัดลานมะขวิด แขวงเมืองพันธุมบุรี เมื่อข้าราชการบูรณะวัดแล้วพากันออกบวชเสียสิ้นสองพันคน จึงขนานนามเมืองใหม่ว่า “เมืองสองพันบุรี” พระเจ้ากาแตอยู่ในราชสมบัติ 40 ปี สวรรคต พ.ศ.1741 ซึ่งในช่วงนี้อยู่ในสมัยลพบุรี
โดยพุทธลักษณะของหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์แล้ว พระพักตร์มีเค้าเป็นศิลปะอู่ทองกลาย ๆ เพราะพระหนุ (คาง) เป็นเหลี่ยม ความเป็นจริงแล้วพระหนุเป็นเหลี่ยม นี่ส่อเค้าให้เห็นว่าได้รับอิทธิพลถ่ายทอดมาจากศิลปะทวารวดี
หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ได้รับการบูรณะถึง 3 ครั้ง
ครั้งแรก เมือ พ.ศ.1706 โดยมอญน้อย
ครั้งที่ 2 ในสมัยอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์ อมรินทร์ ในราชกาลที่ 3 กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้พระยาสีหราชเดโชไชย ไปสร้างวิหารวัดป่าเลไลยก์
ครั้งที่ 3 ในราชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้พระยานิกรบดินทร์ มาบูรณะปฏิสังขรณ์
การบูรณปฏิสังขรณ์ในราชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นั้น อันสืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะที่ยังไม่ได้ครองราชย์ พระองค์ทรงผนวชเสด็จธุดงค์มาจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อนมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลกย์ ทรงพบเห็นวัดป่าเลไลยก์รกร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และปกครองวัด จึงทำให้สภาพของวัดป่าเลไลยก์เสื่อมโทรมมาก เมื่อเข้านมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ แล้วทรงอธิษฐานว่า ถ้าหากได้ขึ้นครองราชย์เมื่อไดก็จะมาบูรณะปฏิสังขรณ์ถวาย เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ในช่วงของการครองราชย์ โปรดเกล้าให้พระยานิกรบดินทร์มาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดป่าเลไลยก์ โดยขุดคลองตั้งแต่วัดประตูสาร ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณ ล่องแพซุงเข้าไปจนถึงวัดป่าเลไลยก์ สร้างหลังคาข้างละสองชั้น ทำฝาผนังรอบนอก รวมหลังคาพระวิหาร ข้างละ 5 ชั้น พร้อมซ่อมองค์หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ด้วย สร้างพระพุทธรูปไว้อีก 2 องค์ อยู่ในวิหารเบื้องหน้าหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ทั้งซ้ายและขวา ประดิษฐานตราพระมงกุฏอยู่ที่หน้าบันพระวิหารเป็นเครื่องหมาย
ภาพเขียนเรื่องราว ขุนช้าง-ขุนแผน
รอบๆ วิหารของหลวงพ่อโต มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน ตั้งแต่เริ่มเรื่อง จนถึงตอนสุดท้าย เป็นภาพที่สวยงาม และได้ความรู้ ชมภาพบางส่วนได้ที่ นิทาน ขุนช้าง-ขุนแผน
เรือนขุนช้าง
เป็นเรือนไทยแบบโบราณ ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดป่าเลไลยก์ สร้างเป็นเรือนไทยไม้สักหลังใหญ่กว้างขวาง ตามเรือนของขุนช้างในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ขึ้นไปบนเรือนจะเห็นภาพวาดตัวละครขุนช้าง นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แต่ละห้องจะมีภาพบรรยายเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน มีการจัดแสดงเครื่องใช้ต่างๆในสมัยก่อน มีการตกแต่บริเวณโดยรอบสวยงามน่าเที่ยวชม
ตลาดต้องชม
ภายในบริเวณวัด เป็นศูนย์รวมจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของดีเมืองสุพรรณ ปลาสลิดดอนกำยาน ปลาแม่น้ำ ปลาแดดเดียว พืชผักผลไม้ และน้ำพริกก็มีให้เลือกหลากหลายชนิด ราคาถูก
สถานที่ตั้งของวัดป่าเลไลยก์
249 ถนน มาลัยแมน ตำบล รั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี สุพรรณบุรี 72000
เวลาทำการทุกวัน
เวลาเปิด 08:00 น.
เวลาปิด 17:00 น.
แผนที่ วัดป่าเลไลยก์
ค่าพิกัด GPS 14.473825, 100.094069
การเดินทาง
1.โดยรถยนต์
ท่านที่เดินทางมาจากทางกรุงเทพ
1.1 จากถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี เมื่อท่านมาถึงตัวเมืองสุพรรณบุรี จุดสังเกตแรกที่เด่น ชัดคือ ป้ายห้างโรบินสัน ขับตรงไปอีก ประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อเห็นป้ายห้างโลตัส ให้ชิดซ้ายออกทางขนานที่อยู่เลยหน้าห้างโลตัสไปนิดนึง
1.2 เมื่อออกทางขนานแล้ว วิ่งไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้าย ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางนี้ ประมาณ 4.25 กิโลเมตร วัดป่าเลไลยก์จะอยู่ทางซ้ายมือ สังเกตุเห็นได้ชัดเจน
ท่านที่เดินทางมาจากทางทิศเหนือ (เช่น ชัยนาท)
1.3 มาตามถนนสุพรรณ-ชัยนาท เมื่อมาถึงตัวเมืองสุพรรณบุรี (สังเกตศูนย์ราชการ) วิ่งเส้นในทางด่วน สังเกตป้ายห้างโลตัส
1.4 ให้เลี้ยวยูเทิร์นตรงหน้าห้างโลตัส เมื่อเลี้ยวแล้วต้องชิดซ้ายทันที เพื่อออกทางคู่ขนาน
1.5 เมื่อออกทางขนานแล้ว วิ่งไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้าย ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางนี้ ประมาณ 4.25 กิโลเมตร วัดป่าเลไลยก์จะอยู่ทางซ้ายมือ สังเกตเห็นได้ชัดเจน
2. โดยรถประจำทาง
มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 และสายใต้ ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ถ้าท่านมาโดยรถประจำทางก็มาลงในตัวจังหวัดหรือที่สถานีขนส่ง จะมีรถรับจ้างเป็นรถสองแถววิ่งรอบๆตัวเมือง ซึ่งผ่านวัดถ้าดูตามแผนที่จะเห็นได้ว่า วัดป่าเลไลยก์ ไปได้อย่างสะดวกในหลายๆเส้นทาง.
ทาง CHALAEM : แฉล้ม ขอขอบคุณ ภาพเเละข้อมูลจาก :
1. http://www.suphan.biz/Watpalalai.htm
2. http://www.welovesuphan.com/th/อำเภอเมือง/10-วัดป่าเลไลยก์-หลวงพ่อโต-คุ้มขุนช้าง-สุพรรณบุรี.html